TBS234
พระบูชา พระโมคคัลลานะ-พระสารีบุตร
พระอัครสาวกเบื้องซ้าย-ผู้มีฤทธิ์มาก และพระอัครสาวกเบื้องขวา-ผู้มีปํญญามาก
เสริมสิริมงคลชีวิต
ความสูงจากฐาน ถึง พระเศียร 8.25 นิ้ว
ประดิษฐานบน ฐานกว้าง 3.50 นิ้ว ยาว 4.50 นิ้ว
เนื้อทองเหลือง
ประวัติ
พระโมคคัลลานะ ชื่อพระอัครสาวกเบื้องซ้ายของพระพุทธเจ้า เกิดที่หมู่บ้านโกลิตคาม ไม่ไกลจากเมืองราชคฤห์ เป็นบุตรของพราหมณ์นายบ้านแห่งนั้น มารดาชื่อนางโมคคัลลีพราหมณี มหาโมคคัลลานะเดิมเรียกชื่อโกลิตะ ตามชื่อหมู่บ้านซึ่งบิดาของตนเป็นใหญ่ ต่อมาเรียกโมคคัลลานะ เพราะเป็นบุตรของนางพราหมณีโมคคัลลี หรือโมคคัลลานีนั้น
ได้เป็นสหายกับอุปติสสะ (คือพระสารีบุตร) มาแต่เด็ก ทั้งสองออกบวชเป็นปริพาชก (นักบวชผู้ชายนอกพระพุทธศาสนาพวกหนึ่งในชมพูทวีป ชอบสัญจรไปในที่ต่างๆ สำแดงทรรศนะทางศาสนาปรัชญาของตน) อยู่ในสำนักของสญชัยปริพาชกจนกระทั่งอุปติสสะได้พบพระอัสสชิ (พระมหาสาวกองค์หนึ่ง เป็นพระเถระรูปหนึ่งในคณะปัญจวัคคีย์ เป็นพระอรหันต์รุ่นแรก) สหายทั้งสองจึงได้มาเฝ้าพระพุทธเจ้า บวชในพระธรรมวินัย
เมื่อบวชแล้วถึงวันที่ 7 โกลิตะ ซึ่งบัดนี้เรียกว่าโมคคัลลานะ ก็ได้บรรลุอรหัตตผล ท่านได้รับยกย่องเป็นเอตทัคคะในทางมีฤทธิ์มาก ในตอนปลายพุทธกาล ท่านถูกพวกโจรซึ่งได้*****จากพวกเดียรถีย์ ลอบสังหารด้วยการทุบตีจนร่างแหลก พระพุทธเจ้าโปรดให้ก่อสถูปบรรจุอัฐิธาตุของท่านไว้ใกล้ซุ้มประตูวัดเวฬุวัน ในเขตเมืองราชคฤห์ ชื่อของท่านนิยมเรียกกันง่ายๆ ว่า พระโมคคัลลาน์
พระสารีบุตร พระอัครสาวกเบื้องขวาของพระพุทธเจ้า เกิดที่หมู่บ้านนาลกะ (บางแห่งเรียกนาลันทะ) ไม่ไกลจากเมืองราชคฤห์ เป็นบุตรแห่งตระกูลหัวหน้าหมู่บ้านนั้น บิดาชื่อวังคันตพราหมณ์ มารดาชื่อสารี จึงได้นามว่าสารีบุตร เต่เมื่อยังเยาว์เรียกว่าอุปติสสะ มีเพื่อนสนิทชื่อ โกลิตะ ซึ่งต่อมาคือพระมหาโมคคัลลานะ มีน้องชาย 3 คน ชื่อ จุนทะ อุปเสนะ เรวตะ น้องหญิง 3 คน ชื่อ จาลา อุปจาลา สีสุปจาลา ซึ่งได้บวชในพระธรรมวินัยทั้งหมด
เมื่ออุปติสสะและโกลิตะจะบวชนั้น ทั้งสองคนไปเที่ยวดูมหรสพที่ยอดเขา คราวหนึ่งไปดูแล้วเกิดความสลดใจ คิดออกแสวงหาโมกขธรรม และต่อมาได้ไปบวชอยู่ในสำนักของสญชัยปริพาชก จนวันหนึ่งอุปติสสปริพาชก พบพระอัสสชิเถระขณะท่านบิณฑบาต เกิดความเลื่อมใสติดตามไปสนทนาขอถามหลักคำสอน ได้ฟังความย่อเพียงคาถาเดียวก็ได้ดวงตาเห็นธรรม กลับไปบอกข่าวแก่โกลิตะ แล้วพากันไปเฝ้าพระพุทธเจ้า มีปริพาชกที่เป็นศิษย์ตามไปด้วยถึง 250 คน ได้รับเอหิภิกขุอุปสมบททั้งหมดที่เวฬุวัน
เมื่อบวชแล้วได้ 15 วัน พระสารีบุตรได้ฟังพระธรรมเทศนาเวทนาปริคคหสูตรที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่ทีฆนขปริพาชก (ชื่อปริพาชกพวกหนึ่ง ตระกูลอัคคีเสสนะ) ณ ถ้ำสุกรขาตา เขาคิชฌกูฏ ก็ได้บรรลุพระอรหัต ได้รับยกย่องเป็นเอตทัคคะในทางมีปัญญามาก ท่านเป็นกำลังสำคัญของพระพุทธเจ้าในการประกาศพระศาสนา และได้รับยกย่องเป็นพระธรรมเสนาบดี คำสอนของท่านปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎกเป็นอันมาก
ท่านปรินิพพานก่อนพระพุทธเจ้าไม่กี่เดือน (อรรถกถาว่าท่านปรินิพพานในวันเพ็ญเดือน 12 จึงเท่ากับ 6 เดือนก่อนพุทธปรินิพพาน) ท่านเดินทางไปโปรดมารดาซึ่งยังเป็นมิจฉาทิฐิ ให้มารดาได้เป็นพระโสดาบัน แล้วปรินิพพานที่บ้านเกิดด้วยปักขันทิกาพาธ (โรคท้องร่วง) หลังจากปลงศพ พระจุนทะน้องชายของท่าน นำอัฐิธาตุไปถวายพระบรมศาสดา โปรดให้ก่อสถูปบรรจุอัฐิธาตุของท่านไว้ ณ พระเชตวัน เมืองสาวัตถี