TBS234
พระบูชาหลวงพ่อเมืองปาย
หน้าตัก 5 นิ้ว
วัดทุ่งโป่ง
จังหวัดแม่ฮ่องสอน
เสริมมงคลชีวิต
วัดทุ่งโป่ง บนศาลาหลังใหญ่มีพระพุทธรูปองค์งามศิลปะแบบไทยใหญ่ประดิษฐานโดดเด่น เป็นสง่ายิ่งนัก สำหรับพระพุทธรูปองค์ประธานของวัดทุ่งโป่งได้ฤกษ์สร้างเป็นศุภมงคล เมื่อวันศุกร์ที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๗ ซึ่งทั้งหมดเกิดจากความตั้งใจของท่านเจ้าอาวาสที่อยากจะอนุรักษ์ศิลปะแบบไทย ใหญ่ไว้ และที่สำคัญวัดนี้ยังไม่มีพระประธานองค์ใหญ่ไว้ให้ชาวบ้านได้กราบไหว้และ เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ
จุดกำเนิดการสถาปนาพระพุทธรูปองค์นี้เริ่มต้นจากเจ้า อาวาสและชาวบ้านได้เดินทางไปกราบอาราธนา “หลวงพ่อประสิทธิ์” วัดป่าหมู่ใหม่ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ มาเป็นประธานในการสร้าง ซึ่งท่านเป็นพระสุปฏิปันโนที่ถึงพร้อมและมีวัตรปฏิบัติที่งดงาม โดยมี “พระอาจารย์สิทธิพงษ์” วัดร้องขุ้ม อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ เป็นผู้ออกแบบ โดยจำลองแบบมาจากพระมหามุนี พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์แห่งเมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า ก่อนจะนำศิลปะไทยใหญ่มาผสมผสานได้อย่างลงตัว
พระพุทธรูปองค์นี้สร้างด้วยกรรมวิธีก่ออิฐถือปูน ลงรักปิดทอง เฉพาะช่วงพระพักตร์และเครื่องทรงเท่านั้นที่สร้างด้วยทองเหลือง องค์พระจากฐานถึงยอดพระเกศ สูง ๑๐๘ นิ้ว และมีขนาดหน้าตักกว้าง ๘๐ นิ้ว แฝงนัยแห่งความหมายคือเท่ากับพระชนมายุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า รวมทั้งเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวโรกาสอันเป็นมหามงคลที่พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา
"พระพุทธรูปองค์นี้ใช้เวลาสร้าง ๓ ปี และได้อาราธนาหลวงพ่อประสิทธิ์มาทำพิธีบรรจุพระหฤทัยเมื่อวันที่ ๑๙ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๐ และถวายพระนามท่านว่า พระพุทธสัพพัญญูประสิทธิมงคล แต่ชาวบ้านเรียกกันว่า พระเจ้าพลาละแข่ง ความงามของพระพุทธสัพพัญญูประสิทธิมงคล พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่วัดทุ่งโป่ง สามารถสะกดผู้ที่ได้เห็นองค์ท่านได้อย่างน่าประหลาดใจ และหากพินิจแบบลึกซึ้งจะยิ่งรู้สึกปีติอิ่มเอมใจกับความงามของพระพุทธรูป องค์นี้มากขึ้นอีกหลายเท่าตัว ด้วยเหตุนี้พระพุทธรูปของวัดทุ่งโป่งเหมาะสมที่จะยกย่องและสถาปนาให้เป็นพระ เมืองปาย” เจ้าอาวาวัดทุ่งโป่ง กล่าว
ประวัติความเป็นมาของวัดนี้ พระอัษฎาวุธบอกว่า สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ.๒๔๑๙ บริเวณที่ตั้งวัดแต่เดิมเป็นหมู่บ้านของชาวไทยใหญ่ที่อพยพมาจากรัฐฉาน ประเทศพม่า เมื่อชาวไทยใหญ่ย้ายถิ่นฐานเข้ามาเพิ่มมากขึ้นจนกลายเป็นชุมชนที่เข้มแข็ง จึงเริ่มมีการก่อสร้างวัดขึ้นมาเพื่อใช้เป็นสถานที่ทำบุญและเป็นศูนย์รวมจิต ใจของชาวบ้าน โดยมีหัวเรี่ยวหัวแรงที่สำคัญคือ “ลุงเกตุ” และ “ลุงจองหร่อย” เป็นผู้นำชาวบ้านร่วมกันสร้างวัดนี้
วัดทุ่งโป่ง ในยุคแรกสร้างขึ้นอย่างง่ายๆ โดยใช้ใบตองตึงมุงหลังคากันแดดกันฝน จนภายหลังชาวบ้านก็ค่อยๆ ช่วยกันบูรณะเรื่อยมา แรกเริ่มเดิมที พระสงฆ์ที่จำพรรษา เป็นพระสงฆ์ที่นิมนต์มาจากไทยใหญ่ ประเทศพม่า เหตุเพราะชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้ส่วนใหญ่เป็นชาวไทยใหญ่ จึงทำให้ขนบธรรมเนียมประเพณีต่างๆ เป็นแบบไทยใหญ่ อย่างเช่น ประเพณีการ “ถวายข้าวมธุปายาส” ถึง ๓ ครั้งด้วยกันคือ วันเข้าพรรษา ช่วงกลางพรรษา และวันออกพรรษา
"ที่ผ่านมา วัดแห่งนี้มีเจ้าอาวาสปกครองดูแลมาแล้วกว่า ๑๐ รูป จนเมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๕ พ่อหลวงคำนวณ ไชยยะ ผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านได้ร่วมกันบูรณะวัดทุ่งโป่งครั้งใหญ่ด้วยการรื้อศาลา หลังเก่าทิ้งแล้วสร้างหลังใหม่ขึ้นมาแทน วันนี้ใครที่เข้ามาวัดทุ่งโป่งจะเห็นศาสนสถานชิ้นเดียวที่โดดเด่นอยู่ภายใน วัด สิ่งก่อสร้างชิ้นนี้รวมทุกอย่าง ตั้งแต่เป็นศาลาทำบุญ เป็นกุฏิสงฆ์ และเป็นวิหาร ส่วนหนึ่งเป็นเพราะวัดของชาวไทยใหญ่จะไม่มีการสร้างวิหาร ไม่มีศาลา เหมือนกับเช่นวัดในเมืองไทย" พระอัษฎาวุธ กล่าว
แม้ว่าวัดทุ่งโป่งจะมีพื้นที่ประมาณ ๓ ไร่ ทว่าพระอัษฎาวุธ กลับสามารถร่วมมือกับชาวบ้านช่วยกันดูแลและทำนุบำรุงวัดให้เป็นปึกแผ่นได้ ทั้งๆ ที่แต่เดิมศาสนสถานต่างๆ และพื้นที่โดยรอบชำรุดทรุดโทรมมาก ความฝันและความตั้งใจอีกอย่างหนึ่งของสมภารหนุ่มรูปนี้ คือ หาปัจจัยเพื่อซื้อที่ดินเพิ่มประมาณ ๘ ไร่ พร้อมกับปวารณาอุทิศตัวสร้างอุโบสถศิลปะแบบไทยใหญ่ เพื่อให้เป็นมรดกทางธรรมและเป็นสมบัติทิ้งไว้ในบวรพระพุทธศาสนา