รายละเอียดสินค้า พระบูชาหลวงพ่อโบสถ์น้อย วัดอมรินทรารามวรวิหาร กรุงเทพมหานคร หน้าตัก 5 นิ้ว มงคลชีวิต
TBS234
พระบูชาหลวงพ่อโบสถ์น้อย
วัดอมรินทรารามวรวิหาร กรุงเทพมหานคร
หน้าตัก 5 นิ้ว (เนื้อทองเหลือง) มงคลชีวิต
หลวงพ่อโบสถ์น้อยเป็นพระพุทธรูปปูนปั้น ประทับนั่งขัดสมาธิราบบนบัลลังค์ฐานบัวชั้นเดียว ปางมารวิชัย ลงรักปิดทอง ศิลปะแบบสุโขทัย ขนาดหน้าตักกว้าง ๔ ศอก ๒๒ นิ้ว สูงตลอดพระรัศมี ๗ ศอก ๒๑ นิ้ว ประดิษฐานอยู่ภายในโบสถ์น้อยที่วัดอมรินทราราม ใกล้กับสะพานอรุณอมรินทร์ (ข้ามคลองบางกอกน้อย) ย่านสถานีรถไฟธนบุรี
ตามความบอกเล่าสืบต่อกันมา องค์หลวงพ่อโบสถ์น้อยที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบันนี้ มิใช่องค์ของหลวงพ่อที่แท้จริง เป็นองค์พระพุทธรูปที่ปั้นปูนพอกทับอำพรางเอาไว้ ส่วนองค์จริงของหลวงพ่อโบสถ์น้อยนั้น ประดิษฐานอยู่ภายในเป็นพระพุทธรูปที่หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ มีขนาดไม่ใหญ่นัก แต่จะมีขนาดเท่าใดและเป็นพระพุทธรูปสมัยใดนั้น ไม่อาจที่จะทราบได้ ทราบแต่เพียงว่าประดิษฐานเป็นพระประธานประจำอยู่ที่พระอุโบสถหลังเก่าเดิมของวัดบางว้าน้อย และได้ทำการปั้นปูนพอกทับไว้ พระอุโบสถหลังเดิมนั้นกล่าวกันว่า ขนาดยาวถึง ๔ ห้อง เมื่อทำการตัดทางรถไฟสายใต้ จึงได้ทำการรื้อถอนออกเสีย ๑ หลัง ทำให้เล็กและแคบไป ชนทั้งหลายจึงได้พากันเรียกว่า "โบสถ์น้อย" ดังปรากฏหลังฐานจากหนังสือประวัติวัดอมรินทราราม
เรื่องประวัติของหลวงพ่อโบสถ์น้อย ยังค้นไม่พบหลักฐานหรือเอกสารใดๆ ที่ได้กล่าวไว้แน่นอน ผู้จัดทำได้พยายามสืบหาประวัติของหลวงพ่อจากคำบอกเล่า ของท่านผู้ใหญ่จำนวนหลายท่านด้วยกัน ซึ่งท่านได้ยินได้ฟังผู้เฒ่าแต่ครั้งเก่าๆ เล่าสืบๆ กันมาอีกทอดหนึ่ง มีเรื่องสาระสำคัญๆ บางอย่างที่ตรงกัน พอที่จะถือเอาเป็นที่ยุติไว้ก่อน จนกว่าจะสืบหาหลักฐานที่แน่นอนและดีกว่านี้ จึงได้นำมาบันทึกไว้ เพื่อประสงค์ที่จะมิให้เนื้อหาสาระสำคัญบางอย่างของหลวงพ่อสูญหายไป ถ้าหากแม้ว่าท่านผู้หนึ่งผู้ใดได้ทราบประวัติของหลวงพ่อที่มีหลักฐานแน่นอนขอได้กรุณาแจ้งให้ผู้จัดทำได้ทราบบ้าง ก็จะเป็นพระคุณอย่างสูง
ข้อสันนิษฐาน ถ้าองค์หลวงพ่อโบสถ์น้อยมีขนาดเล็กตามคำของท่านผู้ใหญ่ที่เล่าสืบๆ กันมา และได้ทำการปั้นปูนพอกทับไว้อีกทีหนึ่งนั้น คงจะได้ทำกันมาแต่ครั้งสร้างพระอุโบสถหลังเดิมของวัดบางว้าน้อยนั้นเอง เข้าใจว่าท่านผู้สร้างพระอุโบสถคงจะทราบประวัติความเป็นมาขององค์หลวงพ่อโบสถ์น้อย ว่าเป็นพระพุทธรูปที่สำคัญและมีความศักดิ์สิทธิ์มาก จึงได้อาราธนานำเข้ามาประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถ ตามปกติพระประธานสำหรับพระอุโบสถนั้น คนที่นิยมกันส่วนมาก ต้องมีขนาดหน้าตักตั้งแต่ ๒ ศอกขึ้นไป และอีกประการหนึ่งถ้าหากว่า ถ้านำองค์หลวงพ่อประดิษฐานไว้ตามเดิม อาจจะเป็นทางที่ทำให้บุคคลอื่นทำการเคลื่อนย้ายไปได้สะดวก ท่านจึงได้คิดหาอุบายทำการปั้นปูนพอกทับไว้ เพื่อให้มีขนาดที่เหมาะสมกับตัวพระอุโบสถอย่างหนึ่ง และเพื่อเป็นการอำพรางอย่างหนึ่ง ทั้งนี้ต้องนับว่าเป็นความฉลาดของผู้สร้างพระอุโบสถ (ข้อสันนิษฐานดังกล่าวมา ขอให้เป็นเรื่องของวิจิกิจฉา)
ความมหัศจรรย์ของหลวงพ่อโบสถ์น้อยที่ได้แสดงพุทธาภินิหารให้แก่สายตาของชนทั่วไป ซึ่งท่านผู้ใหญ่ได้เล่าสืบๆ กันมาว่า เมื่อครั้งทำการตัดทางรถไฟหลวงสายใต้ นายช่างชาวฝรั่งผู้หนึ่งเป็นผู้ที่ทำการส่องกล้องตัดทาง สำหรับวางรางรถไฟเพื่อจะให้เป็นเส้นทางตรง แต่เมื่อส่องกล้องแล้ว เผอิญที่จะตัดให้ตรงนั้นถูกตัวโบสถ์และองค์หลวงพ่อเข้าพอดี กล่าวกันว่าทำให้เกิดอาเพศเหตุต่างๆ ขึ้น จนนายช่างขาวฝรั้งผู้นั้นไม่อาจสามารถที่จะทำการตัดเส้นทางให้เป็นแนวตรงได้ จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนเส้นทางเสียใหม่ ซึ่งเป็นแนวที่อ้อมโค้งดังที่เป็นกันอยู่ในปัจจุบันนี้ (จากสถานีรถไฟธนบุรีถึงสี่แยกถนนจรัญสนิทวงศ์ เป็นเส้นทางที่โค้งมากๆ คนเก่าๆ เรียกกันว่า โค้งต้นสำโรง หรือ โค้งหลังวังทอง (วัดสุวรรณาราม)
เมื่อระหว่างเกิดสงครามโลกครั้งที่ ๒ วัดอมรินทรารามได้ถูกภัยทางอากาศ นับว่าทางวัดได้รับความเสียหายอย่างย่อยยับ พระอุโบสถหลังใหญ่ พระระเบียงศาลาการเปรียญ และกุฏิสงฆ์หลายหมู่ได้ถูกลูกระเบิดทำลายและระเบิดเพลิง ทำให้สภาพของวัดทรุดโทรมเสียหายอย่างน่าอนาถใจ ถาวรวัตถุและปูชนียวัตถุต่างๆ อันมีค่าของวัดได้ถูกไฟเผาผลาญเสียหายไปหมด แต่เป็นที่น่าอัศจรรย์เหลือเกิน ที่โบสถ์น้อยและองค์หลวงพ่อซึ่งได้รับความกระทบกระเทือนจากลูกระเบิดในครั้งนั้น ได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ดังปรากฏเป็นข้อความตอนหนึ่งจากหนังสือประวัติวัดอมรินทรารามตอนหนึ่งว่า
" แม้แต่ตัวโบสถ์น้อยของท่าน ซึ่งอยู่ริมทางรถไฟธนบุรีก็ได้รับภัยในครั้งนี้ด้วย หลุมระเบิดตกอยู่รอบๆ โบสถ์ของท่าน และที่เชิงเขาของโบสถ์น้อย ไฟก็ไหม้เหมือนกันแต่ก็ดับได้เองเหมือนปาฏิหารย์ เป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก "
เนื่องจากความแรงของลูกระเบิด ที่ได้กระหน่ำลงที่วัดอมรินทรารามนั้น เป็นเหตุที่ทำให้องค์หลวงพ่อโบสถ์น้อย ได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนัก ทำให้พระเศียรขององค์หลวงพ่อร้าว เนื่องจากความเก่าของปูน ทางวัดจึงนำพระเศียรของหลวงพ่อไปฝากไว้ที่วัดอรุณราชวราราม ครั้นเมื่อสงครามยุติลงแล้ว ทางวัดจึงได้ไปขอรับคืนมา และได้จัดพิธีการต่อพระเศียรถวายให้หลวงพ่อขึ้นใหม่ ดังข้อความปรากฏในหนังสือประวัติวัดอมรินทราราม
ครั้นต่อมาเมื่อสงครามมหาเอเซียบูรพายุติลง ทางวัดจึงได้ไปนำเอาพระเศียรขององค์หลวงพ่อโบสถ์น้อย กลับคืนมายังวัดอมรินทราราม เมื่อได้พิจารณาแล้วก็เห็นว่าจะทำการต่อเข้าไปอีกมิได้ เพราะพระเศียรของหลวงพ่อร้าวรานไปหมด จึงได้ตกลงใจกันที่จะทำการปั้นพระเศียรของหลวงพ่อขึ้นใหม่ แต่ก็ให้คงเค้าพระพักตร์ของหลวงพ่อองค์เดิมไว้ด้วย ทางวัดจึงได้เชิญท่านผู้เฒ่าในบ้านช่างหล่อมาหลายท่าน เพื่อปรึกษาหารือดำเนินการปั้นพระเศียรของหลวงพ่อขึ้นใหม่ โดยได้นำเอาเค้าพระพักตร์ของหลวงพ่อเดิมไว้ด้วย ทั้งนี้เพราะนายช่างโต ขำเดช เป็นผู้ที่เคยอุปสมบทในวัดอมรินทรารามมานานปี และเคยใกล้ชิดกับหลวงพ่อมาก คงจะจำได้ดี ต่อจากนั้นทางวัดก็ได้เริ่มดำเนินการจัดงานต่อพระเศียรของหลวงพ่อโบสถ์น้อยเป็นครั้งแรกนับแต่สงครามยุติลง หลวงพ่อโบสถ์น้อยนับว่าเป็นปูชนียวัตถุที่สำคัญ เป็นมิ่งขวัญและเป็นที่พึ่งทางใจของชาวเมืองธนบุรีมาตราบเท่าจนถึงปัจจุบันนี้
วัดอมรินทรารามวรวิหาร เป็นวัดทางประวัติศาลตร์วัดหนึ่ง เพราะตั้งอยู่ในเส้นทางคมนาคมของคนตั้งแต่สมัยโบราณ ที่ใช้เส้นทางสายแม่น้ำเจ้าพระยาในการเดินทาง ในปัจจุบันได้มีคนมาแวะเวียนทัศนศึกษาอยู่เสมอๆ จึงได้ความรู้ตามประวัติศาสตร์ตามสมควร โดยเฉพาะเป็นวัดที่พระมหากษัตริย์ทรงบูรณะปฏิสังขรณ์ ในสมัยกรุงธนบุรีและรัตนโกสินทร์ สมควรที่จะได้อนุรักษ์ไว้สืบไป ที่ปรากฏเป็นโบราณสถาน ได้แก่ ตำหนักเขียว พระปรางค์ มณฑปพระพุทธบาทจำลอง และหลวงพ่อโบสถ์น้อย ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของชาวพุทธเป็นอย่างมาก เนื่องจากวัดอมรินทรารามนี้ตั้งอยู่ในเขตที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ วัสดุที่สำคัญมีค่ามากมายจึงถูกทำลาย เพราะแรงระเบิดสมัยสงครามมหาเอเซียบูรพา ซึ่งเป็นที่น่าเสียดาย อย่างไรก็ตามทางวัดก็พยายามบูรณะปฏิสังขรณ์ให้สามารถใช้การได้
ประวัติวัดอมรินทราราม ได้รวบรวมเรียบเรียงจากหลักฐานที่มีปรากฏอยู่ในหนังสือหลายเล่ม เพื่ออนุชนจะได้ทราบความเป็นไปในด้านประวัติศาสตร์ ที่ยืนยันเรื่องราวต่างๆ เนื้อหาส่วนมากดำเนินตามประวัติวัด ที่พิมพ์เป็นอนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพพระสุนทรวิหารกิจ อดีตเจ้าอาวาสวัดอมรินทราราม และเรื่องราววัดอมรินทราราม ราชวรวิหาร ซึ่งราชบัณฑิตยสถานรวบรวมพิมพ์ เป็นที่ระลึกในคราวนำผ้าพระกฐินพระราชทานทอดถวายที่วัดเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๗
เนื้อหาอาจไม่สมบูรณ์ตามที่ประสงค์ เพราะยังมีบางส่วนที่ยังไม่สามารถหาหลักฐานได้ครบ เช่น ศาลาน้ำร้อน ศาลาริมคลองบางกอกน้อย คลองข้างวัดที่แยกซอยออกจากคลองบางกอกน้อย ซึ่งเดิมเป็นแม่น้ำเจ้าพระยาต่อมาได้ขุดใหม่ คลองสายนี้เป็นคูเล็กๆ มีน้ำไหลเลียบโรงพยาบาลออกไปเชื่อมคลองข้างวัดวิเศษการ เมื่อก่อนทราบว่ามีเรือแจวบรรทุกของขาย สามารถผ่านไปมาได้สะดวก ซึ่งปัจจุบันตื้นเขินกลายเป็นคลองน้ำครำสำหรับระบายน้ำเสีย
รีวิว (2)
Customer
10/12/2560 13:51
คุณภาพสินค้าดีมาก
Customer
10/12/2560 13:51
คุณภาพสินค้าดีมาก