TBS234
พระบูชา หลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ศรีมงคล วัดด้ามพร้า
หน้าตัก 5 นิ้ว ( เนื้อทองเหลืองรมดำ )
จังหวัด อุบลราชธานี เสริมสิริมงคลชีวิต
ประวัติ “หลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ศรีมงคล”
เดิมพระพุทธรูปองค์นี้ถูกพอกปิดด้วยปูนฉาบทาด้วยสีทองทั่วทั้งองค์ประดิษฐานเด่นเหนือหมู่พระประธานบนโต๊ะหมู่บูชาในกุฎีเจ้าอาวาสวัดด้ามพร้าสืบมาทุกยุค สันนิษฐานไม่ได้ว่าใครเป็นผู้สร้าง สร้างเมื่อใด
เมื่อต้นเดือนมกราคม ปี พ.ศ.๒๕๕๗ หลวงพ่อพระครูวิจิตรศาสนาการ (พูล ถาวโร) เจ้าอาวาส วัดด้ามพร้ารูปปัจจุบัน ได้นิมิตเห็นชีปะขาวมาบอกว่าในวัดด้ามพร้าแห่งนี้มีพระพุทธรูปองค์ศักดิ์สิทธิ์ประดิษฐานอยู่อยากให้ท่านช่วยบูรณะให้พุทธศาสนิกชนได้กราบไหว้สักการบูชาต่อไป
ตามตำนานประวัติวัดด้ามพร้าเมื่อครั้งสมัยก่อนสร้างวัดด้ามพร้าเคยมีชีปะขาวมาสร้างเพิงพักจำศีลภาวนาอยู่บริเวณแห่งนี้และมีพระธุดงค์แวะเวียนมาพักปฏิบัติธรรมอยู่มิเคยขาด
ครั้นต่อมาก็เกิดเหตุการณ์ดังนิมิตท่านก็ได้เห็นพระพุทธรูปปูนองค์นี้ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่มีอยู่ในวัดนี้มานานมีรอยร้าวและแตกที่บริเวณพระกัจฉะ สามารถมองเห็นเนื้อทองที่อยู่ภายในองค์พระ ท่านจึงได้จุดธูปเทียนเครื่องสักการบูชาคุณพระรัตนตรัยแล้วจุดธูปเทียนสักการบูชาบูรพาจารย์วัดด้ามพร้า บอกกล่าวพระภูมิเจ้าที่ เทวดาอารักษ์ ที่สถิตอยู่ในอารามวัดด้ามพร้าแห่งนี้ พร้อมกับตั้งจิตอธิษฐานว่า
“ถ้าหากว่าพระพุทธรูปองค์นี้ เป็นองค์พระพุทธรูปในนิมิตจริง อยากให้บูรณะจริง ก็ขอให้ร้าวและแตกอีก จะได้นำไปบูรณะและสร้างเสนาสนะประดิษฐานสถิตไว้ให้เป็นที่เคารพสักการบูชาของพุทธศาสนิกชนสืบไป”
ต่อมาท่านได้เห็นว่าปูนพอกที่บริเวณพระอังสาได้ร้าวและแตก จนปูนหลุดออกมาสามารถมองเห็นเนื้อทองที่อยู่ภายในองค์พระชัดและใหญ่ขึ้น ท่านจึงได้ประชุมแจ้งข่าวแก่คณะกรรมการวัดและชาวบ้านคุ้มวัดด้ามพร้าให้ได้ทราบ และได้มีมติให้กะเทาะปูนส่วนที่เหลือออกจึงพบว่าภายในเป็นพระพุทธรูปเนื้อทองสัมฤทธิ์ทั้งองค์มีความงดงามมาก ขาดแต่ส่วนฐานขององค์พระ จึงได้ตกลงกันนำองค์พระพุทธรูปไปบูรณะฐานเพิ่มเติม เมื่อวันที่ ๒๗ เดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๘ ที่จังหวัดนครปฐม บูรณะอยู่เป็นเวลา ๑ เดือนจึงแล้วเสร็จ จึงได้อาราธนามาประดิษฐานสถิตไว้ที่กุฏิอนุสรณ์พระครูวิจิตรศาสนการ (ศรี ธมฺทินฺโน) ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
“หลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ศรีมงคล” โดยคำว่า “ศักดิ์สิทธิ์”นั้นมาจากประวัติบ้านด้ามพร้า คนเฒ่าคนแก่ได้เล่าไว้ว่าพื้นที่บ้านด้ามพร้านี้ แต่เดิมเคยเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ มีต้นไม้และหนองน้ำที่ศักดิ์สิทธิ์ชาวบ้านสมัยสงครามยุคพระวอพระตาสร้างเมืองอุบลราชธานี ได้ป่าไม้และหนองน้ำแห่งนี้ ใช้ไม้ทำด้ามมีด ด้ามพร้า ด้ามดาบและได้ตีมีด พร้า ดาบ เพื่อใช้เป็นอาวุธออกรบแล้วได้รับชัยชนะจึงเชื่อว่าบริเวณนี้เป็นป่ามีต้นไม้ หนองน้ำศักดิ์สิทธิ์ และจากนิมิตหลวงพ่อพระครูวิจิตรศาสนาการ ชีปะขาวมาบอกว่าในวัดด้ามพร้าแห่งนี้มีพระพุทธรูปองค์ศักดิ์สิทธิ์
คำว่า “ศรี” มาจากชื่อของหลวงปู่พระครูวิจิตรศาสนการ (ศรี ธมฺทินฺโน) พระบูรพาจารย์อดีตเจ้าอาวาสวัดด้ามพร้า เจ้าคณะตำบลขามใหญ่ พระเถระผู้ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะยิ่งของชาวบ้านคุ้มวัดด้ามพร้า
คำว่า “มงคล” อันหมายถึง เหตุนำความสุขความเจริญมาให้ สิ่งที่นำความโชคดี ความสวัสดี และความสุขมาให้ตามที่ปรารถนา ผู้ใดมากราบไหว้ขอพร “หลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ศรีมงคล” ก็จะมีความโชคดี สมหวังในสิ่งที่ตนปรารถนาฯ